พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ จำเลยไม่ได้มีคำขอมาตรา 100/2 ไว้ ศาลปรับบทเองได้หรือไม่

คำพิพากษาศาลฏีกาที่ 2153/2563

          ชั้นจับกุ่มและชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นของจำเลยและจำเลยกำลังจะนำเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวไปส่งมอบให้แก่ลูกค้าในพื้นที่จังหวัดชลบุรีตามคำสั่งของ น. ลูกพี่ของจำเลยแต่ยังไม่ทันส่งมอบ ก็ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมตัวเสียก่อน โดยจำเลยจะรับคำสั่งของลูกพี่คือ น. ให้ไปรับเมทแอมเฟตามีนจากเครือข่ายยาเสพติดของ อ. ในจังหวัดเชียงราย โดยใช้รถเก๋งของจำเลยไปรับเมทแอมเฟตามีนมาครั้งละประมาณ ๑๐๐ ถึง ๕๐๐ มั หรือประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ ถึง ๑,๐๐๐,๐๐๐ เม็ด จากนั้นจะนำเมทแอมเฟตามีนทั้งหมดมาพักไว้ที่ห้องเช่าของจำเลยเพื่อรอการส่งมอบให้แก่ลูกค้าตามคำสั่งของ น. ….ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจสามารถจับกุมตัวลูกน้องของ อ. ได้พร้อมเมทแอมเฟตามีน ๖๐๐,๐๐๐ เม็ด ดังนี้แม้ตามคำให้การของจำเลยมิได้การร้องขอหรือปรากฏข้อเท็จจริงในศาลชั้นต้นเริ่งขอนำมาตรา ๑๐๐/๒ แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ มาใช้หรือจำเลยเองมิได้อุทธรณ์ข้อเท็จจริงดังกล่าวเพื่อขอลดโทษ แต่เมื่อข้อเท็จริงได้ความจากทางพิจารณาว่าจำเลยได้ให้ข้อมูลต่อเจ้าพนักงานตำรวจนสามารถขยายผลการจับกุมผู้ต้องหาอื่นซึ่งเป็นลูกน้องของ อ. พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีนเป็นของกลางได้ถึง ๖๐๐,๐๐๐ เม็ด ซึ่งศาลอุทธรณ์ถือว่าจำเลยได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจแล้วและเห็นสมควรลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กฏหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครองครองเพื่อจำหน่ายตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา๑๐๐/๒ จึงชอบแล้ว

 สรุป แม้จำเลยไม่ได้มีคำขอตามมาตรา ๑๐๐/๒ หรือขอไว้ในคำให้การ ก็ตาม แต่ถ้าปรากฏข้อเท็จจริงได้ความจากทางพิจารณา ว่า “ จำเลยได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจ ” ศาลก็สามารถลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กฏหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา๑๐๐/๒ ได้เอง