ผู้ให้กู้มอบเงินกู้ให้ผู้กู้หลังจากทำสัญญาจำนองแล้ว สัญญาจำนองสมบูรณ์หรือไม่

สรุป สัญญาจำนองยังคงมีผลสมบูรณ์ ใช้บังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5831/2553

ข้อสัญญาในหนังสือสัญญาจำนองที่ผู้จำนองตกลงจำนองที่ดินแก่ผู้รับจำนองเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ที่จะมีขึ้นต่อไปในภายหน้าเป็นข้อสัญญาที่ชอบด้วย ป.พ.พ. มาตรา 707 ประกอบมาตรา 681 วรรคสอง และใช้บังคับกันได้ ผู้ร้องกับจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันต่อหน้าศาลชั้นต้นในคดีอื่นว่า จำเลยยอมรับว่าเป็นหนี้ต่อผู้ร้องจริงและขอผ่อนชำระหนี้เป็นงวด หากจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ให้ผู้ร้องยึดที่ดินที่จำนองไว้และทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดแล้วนำเงินมาชำระให้แก่ผู้ร้องจนกว่าจะครบถ้วนและศาลพิพากษาตามยอมแล้วเป็นการที่จำเลยยอมรับว่าเป็นหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินต่อผู้ร้องจริงตามคำฟ้องในคดีนั้น หนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินอันเป็นสัญญาประธานจึงยังไม่ระงับไปตามข้อสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินจำเลยก็ตกลงให้ผู้ร้องยึดที่ดินที่จำเลยจำนองเป็นประกันการชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินไว้อันเป็นการที่จำเลยยอมรับผิดตามสัญญาจำนองอันเป็นสัญญาอุปกรณ์ด้วย สิทธิเรียกร้องของผู้ร้องตามสัญญาจำนองดังกล่าวซึ่งผู้ร้องได้รับโอนจากบริษัทเงินทุน บ. ผู้รับจำนองจึงยังคงมีอยู่และผูกพันจำเลยให้ต้องรับผิดตามสัญญาจำนองนั้น ดังนี้ เมื่อหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่จำเลยจำนองที่ดินเป็นประกันการชำระหนี้นั้นยังไม่ระงับสิ้นไปและมิได้มีการปลดจำนองให้แก่จำเลยผู้จำนองหรือมีการไถ่ถอนจำนอง จึงยังไม่ระงับสิ้นไป ตาม ป.พ.พ. มาตรา 744 ผู้ร้องชอบที่จะใช้สิทธิในฐานะผู้รับจำนองขอรับชำระหนี้จากการขายทอดตลาดที่ดินที่จำเลยจำนองเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญาใช้เงินได้ก่อนเจ้าหนี้อื่น ตาม ป.พ.พ. มาตรา 289 

คำพิพากษาย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนเงินมัดจำในการซื้ออาคารชุดแก่ผู้บริโภคและศาลได้ออกหมายบังคับคดีเพื่อดำเนินการบังคับคดีแก่จำเลยผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า จำเลยเป็นลูกหนี้บริษัทเงินทุนบางกอกเงินทุน จำกัด โดยได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่บริษัทดังกล่าวไว้จำนวน 2 ฉบับ เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินเลขที่ 1741 และเลขที่ 1742 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2539 โดยสัญญาว่าจะใช้เงินจำนวน 40,000,000 บาท และจำนวน 9,000,000 บาท ในวันที่ 10 มีนาคม 2540 พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี บวกเพิ่มด้วยดอกเบี้ยในอัตรา เอ็ม.แอล.อาร์. ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำที่สุดที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เรียกเก็บจากลูกค้าประเภทกู้ยืมเงินชั้นดี และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3.5 ต่อปีบวกเพิ่มด้วยดอกเบี้ยในอัตรา เอ็ม.โอ.อาร์. ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำที่สุดที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เรียกเก็บจากลูกค้าประเภทกู้ยืมเบิกเงินเกินบัญชีชั้นดี ตามลำดับ และจำเลยได้จดทะเบียนจำนองที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 36062 และเลขที่ 36063 ตำบลบางชัน อำเภอมีนบุรี (เมือง) กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันการชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งสองฉบับดังกล่าว ผู้ร้องได้รับโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินและสัญญาจำนองดังกล่าวของบริษัทเงินทุนบางกอกเงินทุน จำกัด ที่มีอยู่ต่อจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ จากการจำหน่ายทรัพย์สินขององค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน ต่อมาผู้ร้องฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้นั้น ระหว่างพิจารณาผู้ร้องกับจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาล ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม โดยจำเลยตกลงชำระหนี้ให้แก่ผู้ร้อง หากจำเลยไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองและทรัพย์สินอื่นออกขายทอดตลาด แต่จำเลยไม่ชำระหนี้ให้ครบถ้วน ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งให้ผู้ร้องทราบว่าได้ยึดที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 36062 และเลขที่ 36063 นั้นออกขายทอดตลาด ขอให้มีคำสั่งให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จากการขายทอดตลาดที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวในฐานะเจ้าหนี้ผู้รับจำนองก่อนเจ้าหนี้รายอื่นโจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า จำเลยจดทะเบียนจำนองที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 36062 และ 36063 ตำบลบางชัน อำเภอมีนบุรี (เมือง) กรุงเทพมหานคร เป็นประกันการชำระหนี้รายอื่นซึ่งจำเลยได้ชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว การที่ผู้ร้องฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้แก่ผู้ร้องและศาลพิพากษาตามยอมแล้วย่อมมีผลให้หนี้เดิมรวมทั้งหนี้จำนองที่ประกันการชำระหนี้เดิมระงับไป ผู้ร้องจึงไม่อยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนอง ขอให้ยกคำร้องขอของผู้ร้อง

ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอของผู้ร้องแล้วมีคำสั่งว่า อนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จำนองได้ก่อนเจ้าหนี้อื่น (ที่ถูก ต้องสั่งว่าค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับด้วย)
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาประการแรกว่า บริษัทจำเลยได้จดทะเบียนจำนองที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 36062 และเลขที่ 36063 ตำบลบางชัน อำเภอมีนบุรี (เมือง) กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างไว้แก่บริษัทเงินทุนบางกอกเงินทุน จำกัด เมื่อวันที่ 8 (ที่ถูก วันที่ 3) ธันวาคม 2536 และวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2537 อันเป็นเวลาก่อนที่จำเลยได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 2 ฉบับ ให้แก่บริษัทเงินทุนบางกอกเงินทุน จำกัด ซึ่งผู้ร้องได้รับโอนสิทธิเรียกร้องของบริษัทดังกล่าวที่มีอยู่ต่อจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ การจำนองดังกล่าวจึงไม่ใช่การจำนองเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งสองฉบับ ผู้ร้องไม่อาจอ้างสิทธิในฐานะผู้รับจำนองที่ดินตามโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงนั้นว่าเป็นการจำนองประกันการชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งสองฉบับดังกล่าวด้วยนั้น เห็นว่า ตามหนังสือสัญญาจำนองที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 36062 และเลขที่ 36063 เอกสารหมาย ร. 6 และ ร. 8 ข้อ 1 ระบุว่า จำเลยผู้จำนองตกลงจำนองที่ดินดังกล่าวแก่ผู้รับจำนองเพื่อเป็นประกันในบรรดาหนี้สินทุกชนิดทุกประเภทที่จำเลยผู้จำนองมีอยู่ต่อผู้รับจำนองในขณะนี้และหรือที่จะมีขึ้นต่อไปในภายหน้า แม้ข้อเท็จจริงจะเป็นดังที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยได้จดทะเบียนจำนองที่ดินทั้งสองแปลงนั้นไว้แก่บริษัทเงินทุนบางกอกเงินทุน จำกัด ก่อนที่จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 2 ฉบับ ให้แก่บริษัทดังกล่าวก็ตาม แต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 707 ประกอบมาตรา 681 วรรคสอง บัญญัติว่า หนี้ในอนาคตหรือหนี้มีเงื่อนไขจะจำนองเป็นประกันไว้เพื่อเหตุการณ์ซึ่งหนี้นั้นอาจเป็นผลได้จริงก็จำนองเป็นประกันได้ ดังนี้ ข้อสัญญาในหนังสือสัญญาจำนองเอกสารหมาย ร. 6 และ ร. 8 ที่จำเลยตกลงจำนองที่ดินของจำเลยแก่ผู้รับจำนองเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ที่จะมีขึ้นต่อไปในภายหน้าจึงเป็นข้อสัญญาที่ชอบด้วยบทบัญญัติมาตรา 707 ประกอบมาตรา 681 วรรคสอง และใช้บังคับกันได้ เมื่อผู้ร้องได้รับโอนสิทธิเรียกร้องตามสัญญาจำนองที่ดินดังกล่าวของบริษัทเงินทุนบางกอกเงินทุน จำกัด ที่มีอยู่ต่อจำเลยผู้จำนอง ผู้ร้องย่อมใช้สิทธิในฐานะผู้รับจำนองขอรับชำระหนี้จากการขายทอดตลาดที่ดินที่จำนองเป็นประกันการชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งสองฉบับอันเป็นหนี้ในอนาคตนั้นได้ ฎีกาของโจทก์ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ที่โจทก์ฎีกาต่อไปเป็นประการสุดท้ายว่า เมื่อผู้ร้องกับจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาลและศาลพิพากษาตามยอมแล้ว หนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งสองฉบับที่จำเลยออกให้แก่บริษัทเงินทุนบางกอกเงินทุน จำกัด ซึ่งเป็นหนี้ประธานและหนี้ตามหนังสือสัญญาจำนองที่ดินจำนวน 2 แปลง เอกสารหมาย ร. 6 และ ร. 8 ซึ่งเป็นสัญญาอุปกรณ์ย่อมระงับไปเนื่องจากการประนีประนอมยอมความนั้นแล้ว ผู้ร้องย่อมไม่อาจใช้สิทธิในฐานะผู้รับจำนองที่ได้รับโอนมาจากบริษัทเงินทุนบางกอกเงินทุน จำกัด ขอรับชำระหนี้จากการขายทอดตลาดที่ดินที่จำนองเป็นประกันการชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งสองฉบับดังกล่าวได้นั้น เห็นว่า ปรากฏในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 2931/2543 ของศาลชั้นต้น ที่ผู้ร้องฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 2 ฉบับ จำนวน 40,000,000 บาท และจำนวน 9,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย หากจำเลยไม่ชำระหนี้ดังกล่าว ให้มีคำสั่งยึดที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 36062 และเลขที่ 36063 ตำบลบางชัน อำเภอมีนบุรี (เมือง) กรุงเทพมหานคร ที่จำเลยจำนองไว้ออกขายทอดตลาดแล้วนำเงินมาชำระหนี้แก่ผู้ร้องว่า ผู้ร้องกับจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันต่อหน้าศาลชั้นต้นตามเอกสารหมาย ร. 16 ว่า จำเลยยอมรับว่าเป็นหนี้ต่อผู้ร้องจริงตามคำฟ้องและขอผ่อนชำระหนี้เป็นงวด หากจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ให้ครบถ้วน ให้ผู้ร้องยึดที่ดินตามโฉนดที่ดินที่จำนองไว้ดังกล่าวและทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดแล้วนำเงินมาชำระให้แก่ผู้ร้องจนกว่าจะครบถ้วนและศาลพิพากษาตอมยอมแล้ว จากข้อสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลระหว่างผู้ร้องกับจำเลยดังกล่าวเป็นการที่จำเลยยอมรับว่าเป็นหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 2 ฉบับ ต่อผู้ร้องจริงตามคำฟ้อง หนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินอันเป็นสัญญาประธานจึงยังไม่ระงับไปตามข้อสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว และเมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นให้ครบถ้วน จำเลยก็ตกลงให้ผู้ร้องยึดที่ดินตามโฉนดที่ดินจำนวน 2 แปลง ที่จำเลยจำนองเป็นประกันการชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นไว้อันเป็นการที่จำเลยยอมรับผิดตามสัญญาจำนองอันเป็นสัญญาอุปกรณ์ด้วย สิทธิเรียกร้องของผู้ร้องตามสัญญาจำนองดังกล่าวซึ่งผู้ร้องได้รับโอนจากบริษัทเงินทุนบางกอกเงินทุน จำกัด ผู้รับจำนองจึงยังคงมีอยู่และผูกพันจำเลยให้ต้องรับผิดตามสัญญาจำนองนั้น ดังนี้ เมื่อหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่จำเลยจำนองที่ดินเป็นประกันการชำระหนี้นั้นยังไม่ระงับสิ้นไปและมิได้มีการปลดจำนองให้แก่จำเลยผู้จำนองหรือมีการไถ่ถอนจำนองตามสัญญาจำนองเอกสารหมาย ร. 6 และ ร. 8 หนี้ตามหนังสือสัญญาจำนองเอกสารหมาย ร. 6 และ ร. 8 จึงยังไม่ระงับสิ้นไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 744 ผู้ร้องชอบที่จะใช้สิทธิในฐานะผู้รับจำนองที่ได้รับโอนมาจากบริษัทเงินทุนบางกอกเงินทุน จำกัด ขอรับชำระหนี้จากการขายทอดตลาดที่ดินที่จำเลยจำนองเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญาใช้เงินทั้งสองฉบับดังกล่าวได้ก่อนเจ้าหนี้อื่น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ในคดีหมายเลขแดงที่ 2931/2543 ของศาลชั้นต้น ผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องบังคับจำนองแก่จำเลยและตามสัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อตกลงว่า จำเลยยอมรับว่าเป็นหนี้ผู้ร้องและขอผ่อนชำระหนี้ หากจำเลยผิดนัด ยอมให้ยึดทรัพย์สินที่จำนองและทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดบังคับชำระหนี้จนกว่าจะครบโดยไม่มีข้อความปรากฏให้เห็นว่าสัญญาจำนองเป็นอันระงับไป เมื่อศาลในคดีดังกล่าวพิพากษาตามยอม สัญญาจำนองก็ยังคงมีผลผูกพันต่อไป หาได้ระงับไปไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 744
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 707

ที่มา https://deka.in.th/view-510160.html